ใครที่กำลังมองหาถนนสวยๆ สักเส้นที่จะขับรถเล่นกินลมชมบรรยากาศอยู่ วันนี้ teawroblok.com จะมาแนะนำ 5 ถนนลอยฟ้าที่นักท่องเที่ยวสายขับรถเที่ยวห้ามพลาด เป็นถนนในประเทศไทยที่สวยงามไม่แพ้ที่ใดในโลก จะมีที่ไหนกันบ้าง ไปชมกันเลยดีกว่า
5 ถนนลอยฟ้าที่นักท่องเที่ยวสายขับรถเที่ยวห้ามพลาด
สำหรับประเทศไทยนั้นถือได้ว่ามีทรัพยากรทางธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายหลายที่ มีนักท่องเที่ยวหลายคนที่อยากเข้าไปสัมผัสกับบรรยากาศของธรรมชาติอย่างใกล้ชิด แต่อยากนั่งบนรถขับไปบนถนนเรื่อยๆ เปิดเพลงฟังเอื่อยๆ เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศ เราจึงอยากแนะนำถนนที่สวยงามบรรยากาศดีในประเทศไทย ให้ไปลองขับขี่รถเสพธรรมชาติ ระบายอารมณ์ความเครียดที่สะสมอยู่ในหัว มีดังนี้
1.ถนนในวนอุทยานทุ่งบัวตอง
เป็นเส้นทางที่มีความสวยงามของธรรมชาติ มีสองข้างทางเป็นทุ่งดอกบัวตองเหลืองทองสวยงาม ถนนเส้นนี้นั้นตั้งอยู่ที่ อำเภอขุนยวม เป้นเส้นทาง แม่ฮ่องสอน – ขุนยวม มีระยะความยาวเส้นทางที่ 350 กิโลเมตรโดยประมาณ มีจำนวนโค้งกว่า 1,864 โค้ง เอาใจนักท่องเที่ยวที่ชอบเส้นทางสนุกสนานแต่เสพสานความฟินของธรรมชาติอย่างเต็มที่ แนะนำช่วงการท่องเที่ยวประมาณช่วงเดือนพฤศจิกายน – กลางเดือนธันวาคม เพื่อความสวยงามของดอกบัวตองที่บานสะพรั่งสีเหลืองทองเต็มไปทั่วสองข้างทาง จะได้เสพความงามกันอย่างเต็มที่
2.เส้นทางขึ้นภูทับเบิก จ.เพชรบูรณ์
แน่นอนว่าถ้านึกถึงความงามแห่งขุนเขา มีถนนที่สุดแสนจะโหดและสวยงาม ก็ต้องมีหลายต่อหลายคนต้องนึกถึงถนนทางขึ้นภูทับเบิก จ.เพชรบูรณ์ เพราะมันมีความสวยงามของธรรมชาติที่สุดแสนจะสมบูรณ์ มีม่านหมอกที่ชุมชื่นคอยปะทะหน้าปะทะกายนักท่องเที่ยวเปรียบดังเข้าไปรับรถอยู่บนม่านเมฆ สำหรับเส้นทางนี้นั้นมันเปรียบเหมือนกับการขับรถอยู่บนฟ้าอันสูง ด้วยบรรยากาศที่เย็นสบายที่รายล้อมด้วยเมฆหมอก มีความยาวระยะทาง 17.7 กิโลเมตร มีความคดเคี้ยวตามเส้นทางทั้งหมด 111 โค้ง ให้นักท่องเที่ยวได้เยี่ยมชมความงามของทิวเขาในมุมสูงอย่างสุดลูกหูลูกตา
3.ถนนลอยฟ้า จ.น่าน
ใครหลายๆ คนก็ต้องนึกถึงถนนหมายเลข 1256 แห่งนี้ หากพูดถึงถนนลอยฟ้าที่มีความงดงาม เป็นเส้นทางที่ใครๆ ใฝ่ฝันถึงอยากไปขับรถเล่นเสพบรรยากาศแบบชิวๆ ผมปลิว เย็นสบาย เส้นทางเส้นนี้นั้นเป็นราวกับเส้นทางที่ลอยอยู่บนฟ้าเพราะการสร้างขึ้นตามสันเขา เมื่ออยู่บนถนนเส้นนี้นั้นจะมองเห็นทิวเขาสวยงามสมบูรณ์ เขียวชอุ่มสุดลูกหูลูกตา ด้วยความสวยงามของเส้นทางและความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาตินี้ จึงทำให้เป็นหนึ่งในถนนที่นักท่องเที่ยวต้องไปลองขับรถบนนั่นสักครั้ง
เส้นทางแห่งนี้เป็นทางขึ้นสู่ อุทยานแห่งชาติดอยภูคา อ.ปัว จ.น่าน เป็นเส้นทางสายปัว-บ่อเกลือ-แม่จริม โดยมีระยะทางประมาณ 25 กิโลเมตร ให้นักท่องเที่ยวได้เยี่ยมชมธรรมชาติ แต่เส้นทางนี้ก็มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นบ่อยครั้ง อย่างไรก็ตามก็ขอให้นักท่องเที่ยวทุกคนระมัดระวังในการใช้รถใช้ถนนด้วย
4.ถนนลอยฟ้า อ.ภูหลวง จ.เลย
เป็นอีกหนึ่งเส้นทางที่มีความสวยงามไม่แพ้กันกับเส้นทางอื่นๆ มีความงามของธรรมชาติที่รายล้อมไปด้วยทิวเขา และไร่สวนที่เกษตรกรชาวเลยได้ร่วมกันสร้าง ซึ่งมีความสวยงามเขียวชอุ่มในช่วงฤดูฝน มีม่านหมอกขาวในช่วงฤดูหนาว มีทุ่งหญ้าสีเหลืองทองในช่วงฤดูแล้ง ซึงเป็นความงามของธรรมชาติภาคอีสาน ที่ได้มองเห็นวัฒนธรรมการทำไรของชาวเลย ที่ทำไร่นาในบางฤดูกาล
ถนนลอยฟ้า อ.ภูหลวง จ.เลย หรือถนนหมายเลข 2016 เส้นทางหล่มเก่า-ภูหลวง เป็นเส้นทางที่เป็นรอยต่อของ อ.ภูหลวง จ.เลย ไปถึง อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ ถ้าหากใครอยากเที่ยวชมบรรยากาศความธรรมชาติแบบอีสานก็ต้องลองไปขับรถเยี่ยมชมกันที่ ถนนลอยฟ้า อ.ภูหลวง จ.เลยรับรองได้ว่ามันมีความสวยงามที่ทำให้นักท่องเที่ยวพึงพอใจกันได้เป็นอย่างมากเลยทีเดียว
5.เส้นทางเชียงใหม่-ปาย-แม่ฮ่องสอน
เส้นทางแห่งนี้เป็นเส้นทางที่มีความงามของธรรมชาติที่สุดแสนจะตราตรึงใจ ด้วยจำนวนโค้งที่มากที่สุดในประเทศไทย เป็นเส้นทางที่เป็นที่ตั้งของจุดชมวิวดอยกิ่วลม และเป็นที่ตั้งของเขตอุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง สามารถจอดรถชมวิวที่สวยงามกันได้ตามจุดชมวิวต่างๆ สองข้างทางมีธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์เป็นอย่างมาก แต่อย่าเผลอเลอมัวแต่ชมธรรมชาติจนลืมมองทางเสียล่ะ เพราะมันเป็นเส้นทางที่โหดและอันตรายเป็นอย่างมาก มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นบ่อยครั้งมากๆ
เส้นทางเชียงใหม่-ปาย-แม่ฮ่องสอน เป็นทางหลวงหมายเลข 1095 มีระยะทางให้นักท่องเที่ยวได้เยี่ยมชมยาวถึง 246 กิโลเมตร รับรองได้ว่าเส้นทางนี้จะทำให้นักท่องเที่ยวหลายต่อหลายคนหลงใหลในเส้นทางนี้อย่างแน่นอน
เป็นอย่างไรกันบ้างกับ5 ถนนลอยฟ้าที่นักท่องเที่ยวสายขับรถเที่ยวห้ามพลาด หวังว่าจะเป็นส่วนที่ช่วยชี้เป้าให้กับนักท่องเที่ยวได้ไปขับรถเล่นกินลมชมวิวเต็มอิ่มกับธรรมชาติกันได้บ้างนะครับ
แนะนำบทความน่าสนใจ
ปัจจุบันมีสัตว์มากมายบนโลกนี้ แต่จะเป็นสัตว์ที่เราเห็นบ่อยๆ แต่รู้หรือไม่สัตว์หายากนั้นใกล้จะสูญพันธ์แล้ว ซึ่ง เดวิด แอทเทนเบอเรอห์ (David Attenborough) ได้กล่าวในสารคดีล่าสุดของเขาว่า “มนุษย์คือตัวการที่ทำให้พืชและสัตว์หลายชนิดสูญพันธุ์” ผลกระทบจากน้ำมือมนุษย์ได้ส่งสัญญาณเตือนว่าในอนาคตอาจจะมีสิ่งมีชีวิตอีกหลายชนิดที่อาจจะสูญพันธุ์ “การสูญพันธุ์” เป็นคำศัพท์ที่นักวิทยาศาสตร์ใช้สำหรับอธิบายเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตที่กำลังจะตายจนหมดไปจากโลก สิ่งนี้สามารถเกิดขึ้นได้ตามธรรมชาติ แต่ที่เดวิดพูดถึงมนุษย์เป็นผู้ทำให้สัตว์เหล่านั้นสูญพันธุ์ และมนุษย์เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการสูญพันธุ์ของสัตว์หลายสายพันธุ์ เช่น การล่าสัตว การล่าอาณานิคม มลพิษทางอากาศ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และ การทำเกษตรกรรมเชิงอุตสาหกรรมที่ทำลายถิ่นฐานตามธรรมชาติของสัตว์หลายสายพันธุ์นี่ก็ได้นำ สัตว์ 4 ชนิดที่เสี่ยงสูญพันธุ์เร็วที่สุดในโลก จะมีตัวไหนมาดูกัน
